นโยบายการลบข้อมูลผู้ใช้งาน

ข้อมูลของ “ผู้ใช้บริการ” จะได้รับความคุ้มครองภายใต้กฎหมายสิทธิความเป็นส่วนตัวภายใต้ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย (PDPA) ที่ได้กำหนด ข้อกำหนดสำหรับผู้ควบคุมข้อมูล และผู้ประมวลผลข้อมูล ผู้ให้บริการจะดูแลรักษาความปลอดภัยข้อมูลของผู้ใช้ตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)‍ สำหรับ “ผู้ใช้บริการ” จะรวมไปถึงสิทธิเหล่านี้

สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ใช้บริการสามารถขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับการที่ข้อมูลส่วนบุคคลของตนถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย โดยองค์กรหรือบุคคลใดๆ ที่รับผิดชอบในการประมวลผลข้อมูลนั้น ๆ

บุคคลสามารถขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ เช่น

  • ประเภทของข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวม
  • วัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูล
  • ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล

สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ใช้บริการสามารถขอให้บริษัทดำเนินการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนได้ หากพบว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์

สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูล

ผู้ใช้บริการมีสิทธิในการคัดค้านหรือยับยั้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ทุกเวลา หากเห็นว่าการประมวลผลดังกล่าวไม่ชอบธรรม หรือไม่มีเหตุผลทางกฎหมายที่ชัดเจน หรือเห็นว่าการประมวลผลนั้นไม่เหมาะสม

สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ใช้บริการมีสิทธิที่จะได้รับการลบข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการจาก viorel.com ได้ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่มีความจำเป็นเกี่ยวข้องต่อวัตถุประสงค์ที่ถูกจัดเก็บ หรือไม่ถูกประมวลผลอีกต่อไป รวมไปถึงกรณีการประมวลผลนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

โปรดเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลบางประเภท อาจส่งผลต่อการบริการด้านข้อมูล การนำเสนอสิทธิประโยชน์ รวมไปถึงการเข้าถึงการบริการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต บนแพลตฟอร์ม viorel.com

กระบวนการยืนยันความเป็นเจ้าของของผู้ใช้บริการ

ก่อนที่บริษัทจะดำเนินการให้การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ บริษัทจะทำการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและยืนยันตัวตนของผู้ร้องขอ หากพบว่าข้อมูลที่ได้รับไม่ตรงกับข้อมูลของเจ้าของข้อมูลบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการให้สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว

กระบวนการขอเข้าถึงข้อมูล

1. การยื่นคำขอ บุคคลสามารถขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยการยื่นคำขอให้กับองค์กรที่เก็บข้อมูลนั้นๆ ผ่านช่องทางที่กำหนด เช่น แบบฟอร์มออนไลน์, อีเมล หรือการติดต่อบริษัทโดยตรง

2. บริษัทจะตอบรับต่อคำขอภายในระยะเวลาที่กำหนด (โดยทั่วไปไม่เกิน 30 วัน)

3. ผู้ขอข้อมูล จะต้องยืนยันความเป็นเจ้าของที่แท้จริงต่อบริษัทฯ ตามกระบวนการที่บริษัทได้กำหนดไว้

ข้อจำกัดในการให้ข้อมูล

ข้อมูลบางประเภทไม่สามารถเปิดเผยได้ เช่น ข้อมูลที่เป็นความลับหรือขัดต่อสิทธิของบุคคลอื่น บริษัทอาจมีสิทธิที่จะปฏิเสธคำขอ หรือจำกัดการเปิดเผยข้อมูลในบางส่วน

บริษัทอาจเปลี่ยนแปลงขั้นตอน หรือรูปแบบการยืนยันตัวตนได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า